การผ่าตัด ตกแต่งเยื่อพรหมจารี คือ การเย็บซ่อมรอบวงของ เยื่อพรหมจารี ที่ฉีกขาด ซึ่งแต่เดิมนั้นเชื่อกันว่า เยื่อพรหมจารี คือ “สัญลักษณ์” ของผู้หญิงที่ยังไม่มีเพศสัมพันธ์
แต่ในความเป็นจริง เยื่อพรหมจารี เป็นเยื่อที่บางมาก ๆ สามารถฉีกขาดได้จากสาเหตุอื่นๆ นอกจากการมีเพศสัมพันธ์ในครั้งแรก ยกตัวอย่าง เช่น ฉีกขาดจากการหกล้มโดยอุบัติเหตุ หรือฉีกขาดจากการเล่นกีฬาที่ต้องออกแรง อย่างเช่น การเล่นยิมนาสติก, การขี่ม้า, การปั่นจักรยาน หรือแม้กระทั่งการใช้ผ้าอนามัยแบบสอด
1) ข้อมูลที่ควรทราบและการเตรียมตัว ก่อนการตัดสินใจทําการผ่าตัด ตกแต่งเยื่อพรหมจารี
- ซึ่งมีวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับการเป็นผู้หญิงพรหมจรรย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงในแถบอเมริกาใต้ หรือตะวันออกกลาง นิยมทำการผ่าตัดนี้ เพื่อเป็นสิ่งที่แสดงนัยของพรหมจรรย์
- ทั้งนี้ตามความเชื่อทางวัฒนธรรม หรือความเชื่อทางศาสนา ซึ่งในบางประเทศเยื่อพรหมจารี อาจมีความสําคัญเท่าชีวิต หรือเป็นสิ่งจําเป็นที่สุด สําหรับชีวิตของผู้หญิงคนนั้นเลยทีเดียว
- การผ่าตัดชนิดนี้ เป็นการผ่าตัดที่ต้องใช้ความประณีต และความระมัดระวังค่อนข้างสูง โดยการผ่าตัดเพื่อนำขอบของ เยื่อพรหมจารี และเนื้อเยื่อรอบ ๆ เยื่อพรหมจารีที่ฉีกขาด
- มาทําการเย็บซ่อมด้วยไหมละลายช้าเส้นเล็ก ให้เป็นรูปวงแหวนขนาดเล็ก ซึ่งเป็นลักษณะของเยื่อพรหมจารีก่อนที่จะฉีกขาด
- ในการผ่าตัด ตกแต่งเยื่อพรหมจารี ในบางครั้งจำเป็นต้องทำคู่กับการผ่าตัด ตกแต่งปากช่องคลอด
- เนื่องจากในผู้เข้ารับการผ่าตัดที่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน มักจะมีการขยายของปากช่องคลอด ร่วมด้วย
- อีกทั้งการเย็บ เยื่อพรหมจารี ซึ่งเป็นเพียงเยื่อบาง ๆ อาจจะไม่สามารถจะเย็บให้ติดได้หมดทุกจุด
- จึงจําเป็นต้องอาศัยการผ่าตัด ตกแต่งปากช่องคลอด เพื่อช่วยลดความตึงที่บริเวณแผลผ่าตัดที่เย็บเยื่อพรหมจารี ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการแยกของแผลผ่าตัดหลังการเย็บซ่อม
- นอกจากนี้การผ่าตัด ตกแต่งปากช่องคลอดให้แคบลง จะช่วยเสริมให้บริเวณปากช่องคลอดให้กลับไปสู่สภาพใกล้เคียง–คล้ายกับลักษณะของปากช่องคลอด ก่อนการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการมีเพศสัมพันธ์อีกครั้ง เมื่อเข้าสู่พิธีแต่งงาน
- ทั้งนี้เเพทย์ควรพิจารณาให้การผ่าตัดชนิดนี้ เฉพาะผู้เข้ารับการผ่าตัด ที่มีความจําเป็นตามค่านิยม, ความเชื่อทางวัฒนธรรม หรือทางศาสนาจริง
- รวมทั้งควรพิจารณาทำผ่าตัด ในผู้ที่ยังไม่เคยผ่านการตั้งครรภ์ หรือคลอดบุตรมาก่อน
- ในช่วงของการปรึกษา ผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัดจะได้พบกับ แพทย์หญิง วิทัศศนา เพื่อซักประวัติและตรวจภายใน กรณีที่มีการติดเชื้ออยู่ในช่องคลอด เช่น เชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรีย ควรรักษาภาวะติดเชื้อในช่องคลอดให้หายก่อนทำการผ่าตัด
- หลังการตรวจภายใน ผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัดจะได้รับการอธิบาย เกี่ยวกับ ข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัด, การให้ยาระงับความรู้สึกในการผ่าตัด, ทางเลือกในการรักษา และการพักฟื้นหลังการผ่าตัด, ความเสี่ยงและ ภาวะแทรกซ้อน รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด
- ซึ่งในการผ่าตัดจะทำการผ่าตัด โดยการการฉีดยาชาเฉพาะที่ ร่วมกับการฉีดยานอนหลับเข้าหลอดเลือดดํา ผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัดจึงต้องงดน้ำและอาหาร ก่อนทำการผ่าตัดอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง เพื่อลดความเสี่ยงในการสำลักเศษอาหาร ในระหว่างหรือหลังจากการทำผ่าตัด
รูปภาพ A, B, C และ D แสดงภาพบริเวณปากช่องคลอด พร้อมกับเยื่อพรหมจารีแบบต่างๆ
รูปภาพประกอบ E แสดงให้เห็นถึงเยื่อพรหมจารีของผู้หญิง ที่ให้กำเนิดบุตรมาแล้ว
การผ่าตัดนี้มีข้อจำกัด ไม่สามารถรับประกันผลลัพธ์ และความพึงพอใจได้ทั้งหมด
- ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นฐานเดิมของเยื่อพรหมจารีของผู้เข้ารับการผ่าตัด ได้แก่ กรณีเยื่อพรหมจารีบางมาก หรือมีรอยฉีกขาดเล็กๆ มากกว่า 3-4 จุดขึ้นไป โอกาสที่จะประสบความสำเร็จ ในการเย็บซ่อมวงรอบของเยื่อพรหมจารีก็จะมีน้อยลง คืออาจจะไม่ติดทุกจุดหรือเย็บติดเพียงบางส่วน (ไม่ครบวงทั้งหมด)
- นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับโรคประจำตัวของผู้เข้ารับการผ่าตัด ตกแต่งเยื่อพรหมจารี เพราะโรคประจำตัวบางชนิด ส่งผลต่อกระบวนการหายของแผลผ่าตัด
- รวมทั้งยังขึ้นอยู่กับการดูแลแผลผ่าตัดที่ถูกต้อง ในการป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด ซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัยเกินการควบคุมของแพทย์
- อย่างไรก็ตามทั้งนี้อาจจะเกิดจากสาเหตุใด ๆ ก็ตาม ทําให้ผลการผ่าตัดคลาดเคลื่อน หรือเป็นความต้องการของผู้เข้ารับการผ่าตัด ที่ต้องการผ่าตัดแก้ไขก็อาจทำได้ โดยการพิจารณาตามความเหมาะสมและความเป็นไปได้
- ทั้งนี้ผู้เข้ารับการผ่าตัดและแพทย์ ควรจะพิจารณาร่วมกัน ซึ่งผู้เข้ารับการผ่าตัดจะได้รับการผ่าตัดแก้ไขต่อเนื่อง โดยเสียค่าใช้จ่าย ค่ายา และค่าใช้จ่ายทางวิสัญญีตามจริง
ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน ของการผ่าตัด ตกแต่งเยื่อพรหมจารี
- มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดออกผิดปกติได้ เนื่องจากบริเวณเยื่อพรหมจารีเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดค่อนข้างมาก ซึ่งภาวะเลือดออกผิดปกติ อาจพบได้ประมาณน้อยกว่าร้อยละ 1
- แต่เป็นภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย ดังนั้นไม่ควรรับประทานยาในกลุ่มแอสไพริน หรือกลุ่มยาลดการแข็งตัวของเลือด 10-15 วัน ก่อนหรือหลังการผ่าตัด
- อีกทั้งมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแผลแยกได้ค่อนข้างมาก เนื่องจากเยื่อพรหมจารีเป็นเนื้อเยื่อที่ค่อนข้างบอบบาง และในการผ่าตัดชนิดนี้จะมีการใช้ไหมเส้นเล็กเย็บแผล ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดแผลแยก แล้วทำให้มีเลือดออกผิดปกติได้
- อีกทั้งในการผ่าตัดนี้แผลผ่าตัดอยู่ในบริเวณที่จะได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนไหว ดังนั้นควรจะต้องหยุดทำงาน และงดกิจกรรมต่าง ๆ ที่เคยทำเป็นประจำ ในช่วง 2-3 วันแรกหลังการผ่าตัด
- รวมทั้งในส่วนของแพทย์ที่ทำผ่าตัดจำเป็นต้องมีความระมัดระวังในการผ่าตัด และมีเทคนิคการเย็บแผลผ่าตัดที่ดี ในการป้องกันการเกิดภาวะแผลแยก
- นอกจากนี้มีความเสี่ยงต่อการเกิด การอักเสบและการติดเชื้อของแผลผ่าตัด ซึ่งทำให้เกิดภาวะแผลแยกได้ เนื่องจากแผลผ่าตัดอยู่ใกล้ทางเดินปัสสาวะและทางเดินอุจจาระ ซึ่งมีแบคทีเรียชนิดต่าง ๆ
- ดังนั้นการป้องกันการติดเชื้อ โดยการฉีดยาปฏิชีวนะก่อนการผ่าตัด และการรับประทานยาปฏิชีวนะให้ครบหลังการผ่าตัดเป็นสิ่งสําคัญ
2) ขั้นตอนก่อนการผ่าตัด ในวันนัดหมายผ่าตัด ตกแต่งเยื่อพรหมจารี
- ในกรณีผู้ที่ผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัด มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการผ่าตัด คุณจะได้พบกับ แพทย์หญิง วิทัศศนา เพื่อพูดคุยอีกครั้ง โปรดสอบถามข้อสงสัย และรายละเอียดอื่น ๆ กรณีไม่แน่ใจหรือกังวลมาก เนื่องจากเหตุผลใด ๆ ก็ตามเกี่ยวกับการผ่าตัด ควรเลื่อนการผ่าตัดไปก่อน
- กรณีที่ผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัด ไม่มีโรคประจำตัว หรือกรณีมีโรคประจำตัว ซึ่งอายุรแพทย์ประเมินแล้ว พบว่าสามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ และไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการผ่าตัด คุณจะต้องกรอกเอกสารแสดงความยินยอมเข้ารับการผ่าตัด
- ซึ่งจะถือเป็นใบอนุญาต ให้ทางเจ้าหน้าที่และแพทย์ สามารถทำการผ่าตัดคุณได้ จากนั้นพยาบาลจะให้คำแนะนำ เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัด โปรดสอบถามข้อสงสัยอื่นๆ ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- จากนั้นเจ้าหน้าที่จะนำผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัด ตกแต่งเยื่อพรหมจารี ไปชำระค่าบริการผ่าตัดทั้งหมดที่แคชเชียร์ และส่งไปยังตึกผู้ป่วยใน เพื่อเตรียมตัวก่อนเข้าห้องผ่าตัด เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบข้อมูล ชื่อ-นามสกุล,วันเกิด รวมทั้งจะช่วยเหลือในการเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อใส่ชุดคลุมผ่าตัด และมอบสายรัดข้อมือสำหรับระบุตัวตน
- ซึ่งเจ้าหน้าที่พยาบาลจะทำการตรวจสอบ ข้อมูลพื้นฐานต่างๆ รวมทั้งสัญญาณชีพ ได้แก่ อุณหภูมิ, การหายใจ, ความดันโลหิต และชีพจร และต้องมีการเจาะเลือด เพื่อส่งตรวจทางเคมีขั้นพื้นฐาน เอ็กซเรย์ปอด รวมทั้งต้องมีการตรวจคลื่นหัวใจ ในผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปี
- กรณีผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัด ต้องการฝากเครื่องประดับและของมีค่า รวมทั้งโทรศัพท์มือถือ สามารถฝากของได้ที่แคชเชียร์ ทั้งนี้คุณสามารถรับของมีค่าได้ทั้งหมด ก่อนออกจากโรงพยาบาล
- หลังจากเสร็จสิ้นการเตรียมการเหล่านี้แล้ว เจ้าหน้าที่จะนำคุณไปยังบริเวณห้องผ่าตัด ซึ่งคุณจะได้รับการดูแลต่อโดยทีมเจ้าหน้าที่วิสัญญี ในระหว่างที่รอ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าห้องผ่าตัด คุณจะได้รับการฉีดยาปฏิชีวนะภายในหนึ่งชั่วโมงก่อนการผ่าตัด ทั้งนี้เพื่อป้องกันการติดเชื้อของแผลผ่าตัด
- หลังจากนั้นวิสัญญีแพทย์ จะทำการประเมินสุขภาพของคุณโดยรวมอีกครั้ง และจะแจ้งข้อมูล เกี่ยวกับการให้ยาระงับความรู้สึก ขณะทำผ่าตัดโดยละเอียด โปรดสอบถามข้อสงสัยอื่นๆ รวมทั้งรายละเอียดของการให้ยาระงับปวดหลังการผ่าตัด
หลังจากเสร็จสิ้นการเตรียมการเหล่านี้แล้ว เจ้าหน้าที่ของห้องผ่าตัดจะนำคุณไปยังห้องผ่าตัด โดยการดูแล ของเจ้าหน้าที่พยาบาล ประจำห้องผ่าตัดต่อไป
หัวข้อที่น่าสนใจ โปรดคลิก
ต้องการดูรูปก่อนและหลังการผ่าตัด
3) ขั้นตอนการผ่าตัด คืนความสาวเยื่อพรหมจารี
- การผ่าตัด ตกแต่งเยื่อพรหมจารี ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยการให้ยานอนหลับชนิดฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ เมื่อผู้เข้ารับการผ่าตัดหลับ แพทย์จึงจะฉีดยาชาที่บริเวณที่จะทําการผ่าตัด คือบริเวณวงรอบของ เยื่อพรหมจารี หลังยาชาออกฤทธิ์
- แพทย์จึงจะทําการผ่าตัด โดยการเลาะตามขอบของเยื่อพรหมจารีที่ฉีกขาดตามจุดต่างๆ โดยรอบ แล้วเย็บซ่อมด้วยไหมละลายช้าเส้นเล็ก เพื่อห้ามเลือดตามจุดต่างๆ โดยรอบของเยื่อพรหมจารีที่ฉีกขาด โดยจะทําการเย็บทั้งหมดอย่างน้อย 2-3 รอบ เพื่อป้องกันภาวะแผลแยก แล้วมีเลือดออกผิดปกติ
4) ขั้นตอนหลังการผ่าตัด ตกแต่งเยื่อพรหมจารี
- หลังการผ่าตัด คุณต้องนอนพักโรงพยาบาล 1 คืน หลังเสร็จจากการผ่าตัด มีความจำเป็นที่ต้องใส่สายสวนปัสสาวะไว้ เพื่อป้องกันอาการปัสสาวะลำบากหลังการผ่าตัด จำเป็นต้องสังเกตอาการที่ห้องพักฟื้น 1-2 ชั่วโมง เมื่อรู้สึกตัวดี แพทย์จึงจะอนุญาตให้กลับไปนอนพัก สังเกตอาการต่อที่ตึกผู้ป่วยใน
- ที่ตึกผู้ป่วยใน ผู้เข้ารับการผ่าตัด ตกแต่งเยื่อพรหมจารี จะได้รับยาปฏิชีวนะ เพื่อป้องกันการติดเชื้อหลังการผ่าตัด, ยาแก้อักเสบ ที่ช่วยลดอาการปวดแผลผ่าตัด และยาพาราเซตามอล ที่ช่วยแก้ปวด กรณีมีอาการปวดแผลมาก อาการปวดไม่ดีขึ้นหลังการรับประทานยาแก้ปวด ก็จะได้รับยาแก้ปวดชนิดฉีด เพื่อบรรเทาอาการปวด
- ในวันรุ่งขึ้นหลังการผ่าตัด พยาบาลจะทำการถอดสายสวนปัสสาวะ หลังจากปัสสาวะได้เอง และตรวจแผลผ่าตัดแล้ว ไม่พบว่ามีเลือดออกจากแผลผ่าตัดมากผิดปกติ รวมทั้งเมื่อมีการสอบถาม เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัด สามารถตอบคําถามได้ถูกต้อง แพทย์หญิง วิทัศศนา จึงจะอนุญาตให้กลับบ้านได้
5) การปฏิบัติตัวและการดูแล หลังการผ่าตัด
- เมื่อกลับบ้าน ผู้เข้ารับการผ่าตัด ควรรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะ ควรรับประทานให้ครบทั้งหมด ในระยะ 1-2 วันแรกหลังการผ่าตัด สามารถลุกและเดินไปรอบ ๆ ได้เล็กน้อย แต่ไม่ควรอาบน้ำ เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่แผลผ่าตัด (อาจใช้การเช็ดตัวไปก่อน)
- สามารถรับประทานอาหารได้ทุกชนิดหลังการผ่าตัด แต่ควรยกเว้น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, ของหมักดองและงดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 15 วันหลังการผ่าตัด
- หลังการผ่าตัด 1-2 วัน สามารถอาบน้ำได้ตามปกติ ควรทำความสะอาด บริเวณปากช่องคลอดด้วยการฟอกสบู่ขณะอาบน้ำ ในตอนเช้าและ/หรือก่อนนอน ไม่ควรพยายามทำความสะอาดในช่องคลอด โดยการล้วงเข้าไปในช่องคลอด หรือพยายามฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อเข้าไปในช่องคลอด
- ในระยะ 2-3 วันแรกหลังผ่าตัด ตกแต่งเยื่อพรหมจารี ที่ทำร่วมกับการผ่าตัดตกแต่งปากช่องคลอด ผู้เข้ารับการผ่าตัดอาจจะมีความรู้สึกปวดเบ่ง คล้ายอยากถ่ายอุจจาระตลอดเวลา เนื่องจากมีการเย็บบริเวณส่วนที่กั้นระหว่างปากช่องคลอดกับทวารหนัก ที่มีหูรูดทวารหนักอยู่
- ดังนั้นผู้เข้ารับการผ่าตัดควรนอนพัก, ควรหยุดทำงาน และควรงดกิจกรรมทางกายภาพต่างๆ ซึ่งได้แก่ การเดินหรือการขึ้นลงบันได ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เนื่องจากภาวะแผลแยกได้ รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงการเบ่งอุจจาระจากภาวะท้องผูก โดยการรับประทานยาระบาย
- อาจมีเลือดสีแดงจาง ๆ ออกจากแผลผ่าตัด ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ควรใส่ผ้าอนามัยเพื่อสังเกตปริมาณเลือดที่ออก กรณีผู้เข้ารับการผ่าตัดมีเลือดออกมากชุ่มผ้าอนามัย หรือมีเลือดออกเป็นก้อนสีแดงสด กรุณาโทรติดต่อโรงพยาบาลทันที หรือกลับมาพบแพทย์ เพื่อตรวจแผลผ่าตัด
- ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด ควรพยายามหลีกเลี่ยงความอับชื้น บริเวณแผลผ่าตัด เพื่อช่วยให้แผลผ่าตัดแห้งและหายเร็วขึ้น สำหรับการทำความสะอาด บริเวณปากช่องคลอดหลังปัสสาวะ สามารถทำได้โดยการซับด้วยทิชชูเปียก (Sanitary Wipes) และหลังการถ่ายอุจจาระ โดยการล้างผ่านน้ำเปล่าแล้วซับเบาๆให้แห้ง
- หลังการผ่าตัด โดยเฉพาะที่ทำร่วมกับการผ่าตัดตกแต่งปากช่องคลอด อาจมีตกขาวสีเหลืองเข้ม หรือตกขาวมีสีคล้ายหนอง เนื่องจากภายในปากช่องคลอดจะเต็มไปด้วยสารคัดหลั่ง และแบคทีเรียต่าง ๆ ทําให้เกิดปฏิกิริยาต่อเนื้อเยื่อที่ผ่าตัด และไหมที่เย็บแผลผ่าตัดที่อยู่ในช่องคลอด
- ทั้งนี้ต้องใช้เวลานาน 8-12 สัปดาห์ แผลที่ผ่าตัดจึงจะติดดี และไหมจะละลายหมด ซึ่งอาการดังกล่าวก็จะหายเป็นปกติ กรณีตกขาวมีกลิ่นเหม็น ผู้เข้ารับการผ่าตัดอาจจำเป็นต้องได้รับยารับประทานเพิ่มเติม
- อาจมีตกขาวสีขาวปนเขียว หรือตกขาวคันในช่องคลอดมากกว่าปกติหลังการผ่าตัด เนื่องจากเชื้อราภายในช่องคลอด ซึ่งเกิดตามหลังการรับประทานยาปฏิชีวนะ ทั้งนี้โดยทั่วไปแพทย์จะจัดยาฆ่าเชื้อราให้รับประทาน หลังหยุดยาปฏิชีวนะ 1 สัปดาห์ หรือเมื่อแผลผ่าตัดหายดีแล้ว หรือหลังการผ่าตัด 8-12 สัปดาห์
วันนัด หลังการผ่าตัด ครั้งที่ 1
- ควรมาพบแพทย์ตามนัด ทั้งนี้โดยทั่วไป แพทย์หญิง วิทัศศนา จะนัดตรวจแผลผ่าตัด ครั้งที่ 1 หลังการผ่าตัด 1-2 สัปดาห์ เพื่อตรวจแผลผ่าตัด และให้การดูแลรักษา ในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด
การพักฟื้น หลังการผ่าตัด
- ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด ตกแต่งเยื่อพรหมจารี บริเวณที่ทำการผ่าตัดยังมีความเสี่ยง ต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ค่อนข้างมาก คุณอาจจะค่อย ๆ กลับมาทำกิจกรรมทางกายภาพต่าง ๆ ที่ต้องใช้กำลังได้เล็กน้อยและยกของเบา ๆ ได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมทางกายภาพที่ต้องเดินมาก ๆ และการขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ
- บริเวณที่ทำการผ่าตัดอาจจะยังคงเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน ในช่วงหลังสัปดาห์ที่ 2 จนถึงสัปดาห์ที่ 4 หลังผ่าตัด อย่างไรก็ตามผู้เข้ารับการผ่าตัด สามารถทำกิจกรรมทางกายภาพต่าง ๆ ที่ต้องใช้กำลังปานกลางได้พอควร แต่ควรงดการออกกําลังกายทุกชนิด
- สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ทางกายภาพที่ต้องใช้กำลังปานกลางได้มากขึ้นหลังสัปดาห์ที่ 4 จนถึงสัปดาห์ที่ 6 หลังการผ่าตัด และสามารถออกกำลังกายที่ใช้แรงของลำตัวช่วงบนได้เล็กน้อย แต่ต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมและการออกกำลังที่ใช้แรงมาก
- ในช่วงหลังสัปดาห์ที่ 6 จนถึงสัปดาห์ที่ 8 หลังการผ่าตัด ผู้เข้ารับการผ่าตัดสามารถออกกำลังที่ใช้แรงของลำตัวช่วงบนได้ปานกลาง และสามารถยกของที่ไม่หนักมากได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมทางกายภาพ ที่ต้องใช้กำลังกล้ามเนื้อในอุ้งเชิงกราน ที่ส่งผลกระทบต่อแผลผ่าตัด เช่น การวิ่งออกกำลังกาย, การเดินเร็ว, การแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ, การว่ายน้ำ, การออกกําลังกายโดยการยกนํ้าหนัก, การขี่จักรยาน, การเล่นโยคะและการซิทอัพ
- หลังการผ่าตัด 8 สัปดาห์ ผู้เข้ารับการผ่าตัดสามารถทำกิจกรรมทางกายภาพต่าง ๆ ได้ตามปกติ แต่อย่างไรก็ตามควรงดการมีเพศสัมพันธ์ เป็นเวลาอย่างน้อย 8-12 สัปดาห์หลังการผ่าตัด
วันนัดหลังการผ่าตัด ตกแต่งเยื่อพรหมจารี ครั้งที่ 2
- โดยทั่วไปจะมีการนัดตรวจแผล ครั้งที่ 2 หลังการผ่าตัด 8-12 สัปดาห์ เพื่อติดตามผลลัพธ์ของการผ่าตัด และให้คําแนะนําก่อนการเริ่มมีเพศสัมพันธ์
- ไหมที่ใช้เย็บแผลผ่าตัด เป็นไหมที่ละลายช้าภายใน 6-12 สัปดาห์ แต่พบว่าในผู้เข้ารับการผ่าตัดบางราย อาจใช้เวลานานมากกว่าปกติ ไหมจึงจะละลายหมด ทำให้เกิดอาการระคายเคือง ในผู้เข้ารับการผ่าตัดที่มีอาการคัน หรือมีอาการระคายเคืองมาก แนะนำให้รับประทานยาแก้แพ้ เพื่อช่วยบรรเทาอาการคัน
ราคาค่าผ่าตัด
ตกแต่งเยื่อพรหมจารี ร่วมกับเย็บปากช่องคลอด โดยเลเซอร์ (พักโรงพยาบาล 2 วัน 1 คืน) ราคา 55,000 บาท
ราคาผ่าตัดเหมาจ่ายนี้ ไม่รวมการตรวจสอบทางเคมีจำเพาะ และค่าปรึกษาแพทย์ทางอายุรกรรม ซึ่งจำเป็นในผู้เข้ารับการผ่าตัด บางรายที่มีโรคประจำตัว และไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายกรณีที่มีการผ่าตัดแก้ไข เพื่อให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดพอใจผลลัพธ์ของการผ่าตัดตามที่ต้องการ
สรุป
การผ่าตัด ตกแต่งเยื่อพรหมจารี เป็นหนึ่งในศัลยกรรมจุดซ่อนเร้น ที่มีความซับซ้อน และละเอียดมากที่สุดชนิดหนึ่ง ทั้งนี้ต้องอาศัยความรู้, ความเข้าใจใน โครงสร้างทางกายวิภาคของบริเวณนี้ และมีทักษะการผ่าตัดที่แม่นยำของแพทย์ เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดี โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน ศัลยแพทย์ส่วนใหญ่ ขาดประสบการณ์ หรือมีประสบการณ์ทางด้านนี้เพียงเล็กน้อย ดังนั้นผู้เข้ารับบริการ จำเป็นต้องคำนึงถึงประสบการณ์ของแพทย์ ที่จะทำการผ่าตัด ในส่วนของผู้เข้ารับการผ่าตัดเองก็มีความสำคัญเท่า ๆ กัน ดังนั้นปรดทราบว่า ต่อให้แพทย์ทําการผ่าตัด–เย็บแผลผ่าตัดอย่างระมัดระวังเท่าใดก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าแผลผ่าตัดเกิดการอักเสบและติดเชื้อ ต้องให้ความร่วมมือ และปฏิบัติตามคําแนะนําหลังการผ่าตัดโดยเคร่งครัด