ผ่าตัดยกมดลูก คือ การผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งของมดลูก และปากมดลูกกลับสู่ตำแหน่งปกติ โดยการผ่าตัดเย็บเอ็นที่ยึดปีกมดลูก ให้ติดกับเอ็นบุผนังหน้าท้องทั้ง 2 ข้าง
เมื่อคุณผู้หญิงรู้สึกว่ามีก้อน หรือส่วนนูนยื่นออกมาจากช่องคลอด โดยทั่วไปจะเป็นส่วนของผนังช่องคลอด–หรือปากมดลูก–หรือส่วนของมดลูกที่หย่อนผ่านช่องคลอดตํ่าลงมา ปัญหานี้โดยปกติแล้วจะทำการรักษา โดยการตัดมดลูกออกทางช่องคลอด หรือผ่าตัดมดลูกออกทางด้านหน้าท้อง แต่อีกทางเลือกหนึ่งของการผ่าตัด เพื่อแก้ไขภาวะดังกล่าว ได้แก่ การผ่าตัดยกมดลูก ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดถ่วงท้องน้อย และลดอาการระคายเคืองจากการที่ส่วนของอวัยวะในอุ้งเชิงกรานที่หย่อนผ่านช่องคลอดลงมา
1) ข้อควรทราบและการเตรียมตัว ก่อนการ ผ่าตัดยกมดลูก
- ในช่วงของการปรึกษา ผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัดจะได้พบกับ แพทย์หญิง วิทัศศนา เพื่อซักประวัติและตรวจภายใน หลังการตรวจภายใน คุณจะได้รับการอธิบาย เกี่ยวกับสภาพของความหย่อนยานของมดลูก, ข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัด, การให้ยาระงับความรู้สึก, ประโยชน์ที่จะได้รับจากการทำผ่าตัด, ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ในการทำผ่าตัด, ทางเลือกในการรักษา, ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน และการพักฟื้นหลังการผ่าตัด ผ่าตัดยกมดลูก รวมทั้ง รายละเอียดของค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด.
- การผ่าตัดนี้มีข้อจำกัด ไม่สามารถรับประกันผล และความพึงพอใจในผู้เข้ารับการผ่าตัดแต่ละคนได้ทั้งหมด เนื่องจากผลของการผ่าตัดส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับ โครงสร้างพื้นฐานเดิมของผู้เข้ารับการผ่าตัด ได้แก่ ความรุนแรงของความหย่อนยานของมดลูก
- นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับโรคประจำตัวของผู้เข้ารับการผ่าตัด เพราะโรคประจำตัวบางชนิด ส่งผลต่อกระบวนการหายของแผลผ่าตัด รวมทั้งยังขึ้นอยู่กับการดูแลแผลผ่าตัดที่ถูกต้องของผู้เข้ารับการผ่าตัด ในการป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด ซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัยเกินการควบคุมของแพทย์ ซึ่งแพทย์จะแจ้งให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดรับทราบก่อนการผ่าตัด
- หลังการผ่าตัด อาจจะเกิดจากสาเหตุใดๆ ก็ตาม ที่ทําให้การผ่าตัดมีผลคลาดเคลื่อนเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือกรณีเป็นความต้องการของผู้เข้ารับการผ่าตัด ที่ต้องการผ่าตัดแก้ไข เนื่องจากไม่พึงพอใจผลการผ่าตัดก็อาจทำได้ โดยการพิจารณาตามความเหมาะสมและความเป็นไปได้
- ทั้งนี้ผู้เข้ารับการผ่าตัดและแพทย์ ควรจะปรึกษาร่วมกัน ซึ่งผู้เข้ารับการผ่าตัดจะได้รับการผ่าตัดแก้ไขต่อเนื่อง โดยเสียค่าใช้จ่าย, ค่ายา, ค่าห้องและค่าใช้จ่ายทางวิสัญญีตามจริง
- การผ่าตัดนี้จะทำการผ่าตัดโดยการดมยาสลบ ผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัดจึงต้องงดน้ำและอาหาร ก่อนทำการผ่าตัดอย่างน้อย 6 ชั่วโมง เพื่อลดความเสี่ยงในการสำลักเศษอาหาร ในระหว่างหรือหลังจากการทำผ่าตัด
ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน ของการ ผ่าตัดยกมดลูก
- มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดออกผิดปกติ ในระหว่างผ่าตัดหรือหลังการผ่าตัดได้ เพราะเป็นการผ่าตัดในบริเวณที่มีเส้นเลือดค่อนข้างมาก ซึ่งภาวะเลือดออกผิดปกติ อาจพบได้ประมาณน้อยกว่าร้อยละ 1
- แต่เป็นภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย ดังนั้นผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัด ไม่ควรรับประทานยาในกลุ่มแอสไพริน หรือกลุ่มยาลดการแข็งตัวของเลือด 10-15 วัน ก่อนหรือหลังการผ่าตัด
- อีกทั้งบริเวณที่ทำการผ่าตัด มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแผลแยกได้ค่อนข้างมาก เนื่องจากแผลผ่าตัดอยู่ในบริเวณที่จะได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนไหว ผู้เข้ารับการผ่าตัด ควรจะต้องหยุดทำงาน และงดกิจกรรมต่าง ๆ ที่เคยทำเป็นประจำในช่วง 3-5 วันแรกหลังการผ่าตัด
- รวมทั้งในส่วนแพทย์ที่ทำผ่าตัดจำเป็นต้องมีความระมัดระวังในการผ่าตัด และมีเทคนิคการเย็บแผลผ่าตัดที่ดี ในการป้องกันการเกิดภาวะแผลแยก
- เช่นเดียวกับการผ่าตัดชนิดอื่นๆ ในการผ่าตัดนี้ มีความเสี่ยงต่อการอักเสบ และการติดเชื้อของแผลผ่าตัด ซึ่งทำให้เกิดภาวะแผลแยกได้ ดังนั้นการป้องกันการติดเชื้อ โดยการฉีดยาปฏิชีวนะก่อนการผ่าตัด และการรับประทานยาปฏิชีวนะให้ครบหลังการผ่าตัดเป็นสิ่งสําคัญ
เมื่อพร้อมที่จะเข้ารับการผ่าตัด โปรดโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ เพื่อนัดวันผ่าตัด หากผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัดมีโรคประจำตัว หรือมีประวัติการแพ้ยา กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่และแพทย์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
-ตําแหน่งมดลูกตําแหน่งปกติ
-ตําแหน่งมดลูกผิดปกติ
ใครที่ไม่แนะนำให้ทำการผ่าตัด และต้องปรึกษแพทย์ก่อนการ
หัวข้อที่น่าสนใจ โปรดคลิก
2) ขั้นตอนก่อนการผ่าตัด ในวันนัด ผ่าตัดยกมดลูก
- ในกรณีผู้ที่ผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัด มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการผ่าตัด คุณจะได้พบกับ แพทย์หญิง วิทัศศนา อีกครั้ง โปรดสอบถามข้อสงสัยและรายละเอียดอื่นๆ กรณีไม่แน่ใจหรือกังวลมาก เนื่องจากเหตุผลใดๆ ก็ตามเกี่ยวกับการผ่าตัด ควรเลื่อนการผ่าตัดไปก่อน
- กรณีที่ผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัด ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการผ่าตัด รวมทั้งกรณีมีโรคประจำตัว ซึ่งอายุรแพทย์ประเมินแล้วพบว่าคุณสามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ คุณจะต้องกรอกเอกสารแสดงความยินยอมเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งจะถือเป็นใบอนุญาต ให้ทางเจ้าหน้าที่และแพทย์สามารถทำการผ่าตัดคุณได้ จากนั้นพยาบาลจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัด โปรดสอบถามข้อสงสัยอื่นๆ ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- จากนั้นเจ้าหน้าที่จะนำผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัด ไปชำระค่าบริการการผ่าตัดทั้งหมดที่แคชเชียร์ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะนำคุณไปยังตึกผู้ป่วยใน เพื่อเตรียมตัวก่อนเข้าห้องผ่าตัf
- เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบข้อมูล ชื่อ-นามสกุล,วันเกิด และนำคุณไปที่ห้องพัก รวมทั้งจะช่วยเหลือในการเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อใส่ชุดคลุมผ่าตัด และมอบสายรัดข้อมือสำหรับระบุตัวตนให้กับคุณ
- จากนั้นเจ้าหน้าที่พยาบาลจะทำการตรวจสอบข้อมูลพื้นฐานต่างๆ รวมทั้งสัญญาณชีพ ได้แก่ อุณหภูมิ, การหายใจ, ความดันโลหิตและชีพจร และจำเป็นต้องมีการเจาะเลือด เพื่อส่งตรวจทางเคมีขั้นพื้นฐาน รวมทั้งต้องมีการตรวจคลื่นหัวใจและเอ็กซเรย์ปอด ในผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัดที่มีอายุมากกว่า 45 ปี
- กรณีผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัด ต้องการฝากเครื่องประดับและของมีค่า รวมทั้งโทรศัพท์มือถือ ซึ่งคุณสามารถฝากของได้ที่แคชเชียร์ ทั้งนี้คุณสามารถรับของมีค่าได้ทั้งหมดก่อนออกจากโรงพยาบาล
- หลังจากเสร็จสิ้นการเตรียมการเหล่านี้แล้ว เจ้าหน้าที่จะนำผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัดไปยังบริเวณห้องผ่าตัด ซึ่งคุณจะได้รับการดูแลต่อโดยทีมเจ้าหน้าที่วิสัญญี ในระหว่างที่รอเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าห้องผ่าตัด คุณจะได้รับการฉีดยาปฏิชีวนะภายในหนึ่งชั่วโมงก่อนการทำผ่าตัด ทั้งนี้เพื่อป้องกันการติดเชื้อของแผลผ่าตัด
- หลังจากนั้นวิสัญญีแพทย์จะทำการประเมินสุขภาพของผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัดโดยรวมอีกครั้ง ทั้งนี้คุณจะได้รับทราบข้อมูล เกี่ยวกับการให้ยาระงับความรู้สึกขณะทำผ่าตัดจากวิสัญญีแพทย์ โปรดสอบถามข้อสงสัยอื่น ๆ รวมทั้งรายละเอียดของการให้ยาระงับปวดหลังการผ่าตัด
หลังจากเสร็จสิ้นการเตรียมการเหล่านี้แล้ว เจ้าหน้าที่ของห้องผ่าตัดจะนำผู้ต้องการเข้ารับการผ่าตัดไปยังห้องผ่าตัด คุณจะได้รับการดูแล โดยเจ้าหน้าที่พยาบาลประจำห้องผ่าตัดต่อไป
3) ขั้นตอนการ ผ่าตัดยกมดลูก
- การ ผ่าตัดยกมดลูก ใช้เวลาประมาณ 60-90 นาที โดยการดมยาสลบ เป็นการผ่าตัดทางหน้าท้อง โดยแผลผ่าตัดอยู่ในแนวขวางเหนือระดับกระดูกหัวหน่าว (แต่ในผู้ที่เคยผ่านการผ่าตัดช่องท้อง และมีแนวแผลในแนวตั้งมาก่อน จำเป็นต้องผ่าตัดแนวแผลในแนวตั้งระดับใต้สะดือ)
- จากนั้นผนังหน้าท้องจะถูกผ่าตัด–ผ่านทีละชั้นจนถึงช่องท้อง แพทย์จะทำการดึงเอ็นที่ยึดปีกมดลูก (Round Ligament) ทั้ง 2 ข้าง ผ่านเยื่อบุช่องท้องออกมาที่ด้านข้างของกล้ามเนื้อหน้าท้อง แล้วนํามาเย็บติดกับเอ็นบุผนังหน้าท้องทั้ง 2 ข้าง ด้วยไหมที่ไม่ละลาย
- หลังจากนั้นจะเย็บปิดแผลหน้าท้อง ด้วยไหมละลายช้าเส้นเล็กตามความยาวแผล หลังจากนั้นแผลผ่าตัดจะถูกปิดด้วยผ้ากอซ เพื่อช่วยห้ามเลือดหลังผ่าตัด และมีความจำเป็นที่ต้องใส่สายสวนปัสสาวะคาไว้ อย่างน้อย 1-2 วันหลังการผ่าตัด
4) ขั้นตอน หลังการ ผ่าตัดยกมดลูก
- หลังเสร็จจากการผ่าตัด จำเป็นต้องมีการสังเกตอาการที่ห้องพักฟื้น 1-2 ชั่วโมง เมื่อรู้สึกตัวดีและสัญญาณชีพปกติ วิสัญญีแพทย์จึงจะอนุญาตให้กลับไปนอนพักสังเกตอาการต่อที่ตึกผู้ป่วยใน อาจมีอาการมึนงง, เวียนศีรษะ, คลื่นไส้หรืออาเจียน จากการดมยาสลบ ภาวะนี้จะดีขึ้นเองเมื่อระดับยาในร่างกายลดลง
- ที่ตึกผู้ป่วยใน คุณจะได้รับยาปฏิชีวนะ เพื่อป้องกันการติดเชื้อหลังการผ่าตัด, ยาระบาย เพื่อบรรเทาอาการท้องผูก, ยาแก้อักเสบและยาพาราเซตามอล ที่ช่วยลดอาการปวดของแผลผ่าตัด
- กรณีมีอาการปวดแผลมาก ไม่ดีขึ้นหลังการรับประทานยาแก้ปวด กรุณาแจ้งพยาบาล เพื่อขอรับยาแก้ปวดชนิดฉีด เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวด
- ในระยะ 1-2 วันแรกหลังการผ่าตัด ผู้เข้ารับการผ่าตัดจะสามารถลุกและเดินไปรอบๆได้เล็กน้อย ควรดูแลไม่ให้แผลผ่าตัดโดนน้ำ เพื่อป้องกันการติดเชื้อของแผลผ่าตัด
- หลังการผ่าตัด 2-3 วัน ผู้เข้ารับการผ่าตัดจะได้รับการถอดสายสวนปัสสาวะ จากนั้นแพทย์จะทําความสะอาดแผลผ่าตัดด้วยนํ้ายาฆ่าเชื้อ และปิดทับด้วย Tegaderm ® กันนํ้าที่แผลผ่าตัด
- ทั้งนี้แพทย์จะอนุญาตให้กลับบ้านได้ หลังการตรวจแผลผ่าตัดแล้ว แผลแห้งดี-ไม่มีเลือดออกมากผิดปกติ และคุณสามารถปัสสาวะได้เอง รวมทั้งเมื่อมีการถามตอบ เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัด สามารถตอบคําถามได้ถูกต้อง
5) การปฏิบัติตัว เมื่อกลับบ้าน หลังการผ่าตัด
- เมื่อกลับบ้าน ผู้เข้ารับการผ่าตัดจะได้รับยาปฏิชีวนะ, ยาระบาย, ยาแก้อักเสบและยาพาราเซตามอล ควรรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะควรรับประทานให้ครบทั้งหมด
- หลังการผ่าตัด 2-3 วัน สามารถอาบนํ้าได้ตามปกติ แต่ควรพยายามต้องระมัดระวังไม่ให้มีการรั่วซึมของนํ้าเข้า Tegaderm ® ที่ปิดแผลผ่าตัด ทั้งนี้เพื่อป้องกันการติดเชื้อของแผลผ่าตัด กรณีมีการรั่วซึมของนํ้าเข้า Tegaderm ® ที่ปิดแผลผ่าตัด ผู้เข้ารับการผ่าตัดต้องกลับมาพบแพทย เพื่อตรวจแผลผ่าตัด
- ควรจะต้องหยุดทำงานและงดกิจกรรมต่า ง ๆ ที่เคยทำเป็นประจำ ในระยะ 3-5 วันแรกหลังการ ผ่าตัดยกมดลูก ซึ่งได้แก่ การเดิน, การขึ้นลงบันได หรือการทำกิจกรรมทางกายภาพต่างๆ ซึ่งก็จะช่วยให้แผลผ่าตัดไม่ถูกขยับไปมาหลังการผ่าตัด ทำให้ช่วยลดการเกิดภาวะแผลแยกได้ รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงการเบ่งอุจจาระจากภาวะท้องผูก โดยการรับประทานยาระบาย
- อาจมีเลือดสีแดงจางๆ ออกจากแผลผ่าตัด ในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด ควรสังเกตปริมาณเลือดที่ออกจากแผลผ่าตัด กรณีผู้เข้ารับการผ่าตัดมีเลือดออกมากชุ่มผ้ากอซ หรือมีเลือดออกเป็นก้อนสีแดงสด กรุณาโทรติดต่อโรงพยาบาลทันที หรือกลับมาพบแพทย์ เพื่อตรวจแผลผ่าตัด
- ควรมาพบแพทย์ตามนัด ทั้งนี้โดยทั่วไป แพทย์หญิง วิทัศศนา จะนัดตรวจแผลผ่าตัด ครั้งที่ 1 หลังการผ่าตัด 1 สัปดาห์ เพื่อดูแผลผ่าตัดและและให้คำแนะนำ รวมทั้งให้การตรวจรักษา ในกรณีที่มีความผิดปกติ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด ในกรณีที่แผลผ่าตัดยังไม่ติดดี ผู้เข้ารับการผ่าตัดจำเป็นต้องปิด Tegaderm ® เพื่อกันนํ้าต่ออีก 1 สัปดาห์
- ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด ควรพยายามหลีกเลี่ยงความอับชื้นบริเวณแผลผ่าตัด เพื่อช่วยให้แผลผ่าตัดแห้งและหายเร็วขึ้น
- สำหรับการทำความสะอาดบริเวณปากช่องคลอดหลังปัสสาวะ สามารถทำได้โดยการซับด้วยทิชชูเปียก (Sanitary Wipes) และทำความสะอาดหลังการถ่ายอุจจาระ โดยการล้างผ่านน้ำเปล่าแล้วซับให้แห้ง
- อาจมีตกขาวสีขาวปนเขียว หรือตกขาวคันในช่องคลอดมากกว่าปกติหลังการผ่าตัด เนื่องจากเชื้อราภายในช่องคลอด ซึ่งเกิดตามหลังการรับประทานยาปฏิชีวนะ ทั้งนี้โดยทั่วไปแพทย์จะจัดยาฆ่าเชื้อราให้รับประทาน หลังหยุดยาปฏิชีวนะ 1 สัปดาห์ หรือให้ยาเหน็บช่องคลอดฆ่าเชื้อรา
- สามารถรับประทานอาหารได้ทุกชนิดหลังการผ่าตัด แต่ควรยกเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, ของหมักดอง และงดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 15 วันหลังการผ่าตัด
การพักฟื้นตัว หลังการ ผ่าตัดยกมดลูก
- วิธีการพักฟื้นหลังการผ่าตัด อาจจะแตกต่างกันออกไป ในแต่ละคน ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด บริเวณที่ทำการผ่าตัดยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ค่อนข้างมาก ดังนั้นผู้เข้ารับการผ่าตัดควรจะค่อยๆ เริ่มกลับมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ทางกายภาพที่ต้องใช้กำลังได้เล็กน้อยและยกของเบา ๆ ได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมทางกายภาพที่ต้องเดินมาก ๆ และการขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ
- ในช่วงหลังสัปดาห์ที่ 2 จนถึงสัปดาห์ที่ 4 หลังการผ่าตัด บริเวณที่ทำการผ่าตัดอาจจะยังคงเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน ผู้เข้ารับการผ่าตัดสามารถทำกิจกรรมทางกายภาพต่างๆ ที่ต้องใช้กำลังปานกลางได้พอควร แต่ควรงดการออกกําลังกายทุกชนิด
- หลังสัปดาห์ที่ 4 จนถึงสัปดาห์ที่ 6 หลังการผ่าตัด ผู้เข้ารับการผ่าตัดสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ทางกายภาพที่ต้องใช้กำลังปานกลางได้มากขึ้น และสามารถออกกำลังกายที่ใช้แรงของลำตัวช่วงบนได้
- แต่ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมทางกายภาพ ที่ต้องใช้กำลังกล้ามเนื้อในอุ้งเชิงกราน ที่ส่งผลกระทบต่อบริเวณที่ผ่าตัด เช่น การวิ่งออกกำลังกายหรือการเดินเร็ว, การแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ, การว่ายน้ำ, การออกกําลังกายโดยการยกนํ้าหนัก, การขี่จักรยา การเล่นโยคะและการซิทอัพ รวมทั้งควรงดการมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลาอย่างน้อย 6-8 สัปดาห์
วันนัดหลังการผ่าตัด ครั้งที่ 2
- โดยทั่วไปจะมีการนัดตรวจแผลผ่าตัดครั้งที่ 2 หลังการผ่าตัด 6-8 สัปดาห์ เพื่อติดตามผลลัพธ์ของการผ่าตัด และให้คําแนะนําในการเริ่มมีเพศสัมพันธ์หลังการผ่าตัด
- ไหมที่ใช้เย็บแผลผ่าตัดยกมดลูก เป็นไหมที่ละลายช้าภายใน 6-8 สัปดาห์ แต่พบว่าในผู้เข้ารับการผ่าตัดบางราย อาจใช้เวลานานมากกว่า 6-8 สัปดาห์ ไหมจึงจะละลายหมด ทำให้เกิดอาการระคายเคืองจากไหมที่ใช้เย็บในการผ่าตัด ในผู้เข้ารับการผ่าตัดที่มีอาการคัน หรืออาการระคายเคืองมาก แนะนำให้รับประทานยาแก้แพ้ เพื่อช่วยบรรเทาอาการคันและอาการระคายเคือง
ราคาค่าใช้จ่ายในการ ผ่าตัดยกมดลูก
- ราคาผ่าตัดเหมาจ่ายนี้ ไม่รวมการตรวจสอบทางเคมีจำเพาะ ซึ่งจำเป็นในผู้เข้ารับการผ่าตัดบางราย ที่มีโรคประจำตัวทางอายุรกรรม และไม่รวมถึงค่าใช้จ่าย กรณีที่มีการผ่าตัดแก้ไข เพื่อให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดพอใจผลลัพธ์ของการผ่าตัดตามที่ต้องการ
- ในกรณีที่ผู้เข้ารับการผ่าตัด มีภาวะแทรกซ้อน เช่น มีเลือดออกมากผิดปกติจากแผลผ่าตัด หรือแผลผ่าตัดแยก ผู้เข้ารับการผ่าตัดจะได้รับการดูแลรักษาต่อเนื่องจนกว่าภาวะดังกล่าวจะดีขึ้น ยกเว้นแต่ในกรณีภาวะแทรกซ้อน เกิดจากการปฏิบัติตัวไม่ถูกต้อง หรือมีเพศสัมพันธ์ก่อนแพทย์อนุญาต ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเองทั้งหมด ไม่ว่าจะรักษาเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลใดก็ตาม
สรุป
การ ผ่าตัดยกมดลูก เป็นหนึ่งในกลุ่มของ ศัลยกรรมทางนรีเวช ที่มีความซับซ้อนมากที่สุดชนิดหนึ่ง โดยต้องอาศัยความรู้, ความเข้าใจของโครงสร้างทางกายวิภาค ของอวัยวะต่างๆ ในอุ้งเชิงกราน และทักษะการผ่าตัด ที่ความแม่นยำเป็นอย่างมาก เพื่อให้ได้ผลการรักษา ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน ศัลยแพทย์ส่วนใหญ่ขาดประสบการณ์ หรือมีประสบการณ์ทางด้านนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นผู้เข้ารับบริการจำเป็นต้องคำนึงถึงประสบการณ์ของแพทย์ที่จะทำการผ่าตัด ในส่วนของผู้เข้ารับการผ่าตัดต้องให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามคําแนะนําหลังการผ่าตัดโดยเคร่งครัด